top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนมองหาอะไรอยู่หรือเปล่า

มองหาคำตอบว่าคนที่องค์การนาซ่า "ฉี่" เป็น "สี" อะไร

อัปเดตเมื่อ 23 ม.ค. 2564

"แบ่งแยกแต่เท่าเทียม" ข้อความตอนหนึ่งในจากรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ที่เคยถูกตีความผ่านยุคสมัยเพื่อใช้ในการแบ่งแยก "มนุษย์" ออกจากกัน



เมื่อราวๆ ปี 1960 ที่อเมริกา ถึงแม้ว่า คนผิวสีจะได้รับรองสิทธิความเป็นพลเมืองจากการเลิกค้าทาส แต่ในหลายรัฐที่มีการเหยียดสีผิวอย่างเปิดเผย คนผิวสีก็ยังถูกแบ่งแยกในเข้าถึงสาธารณูปโภคต่างๆ อยู่ เช่น การอนุญาตได้ให้นั่งรถโดยสารประจำทางได้เฉพาะที่นั่งแถวหลัง การอนุญาตให้ยืมและอ่านในห้องสมุดประชาชนได้เฉพาะโซนที่กำหนดให้ การเข้าเรียนในสถานศึกษาที่จำกัด หรือแม้แต่การห้องน้ำที่ห้ามคนผิวสีใช้ร่วมกับคนผิวขาว


เรื่องราวเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดในภาพยนต์ เรื่อง "Hidden Figure" ที่เล่าถึงชีวิตการทำงานสามสาวผิวสีที่ทำงานตำแหน่งคณิตกรในองค์การนาซ่า ในยุคสงครามเย็นที่มีการแข่งขันกันยิงจรวดออกไปสำรวจอวกาศระหว่างสหรัฐฯ กับ โซเวียต ซึ่งทำให้เราได้รู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จในการสำรวจนอกโลกขององค์การนาซ่านั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากทีมงานนักคำนวณสาวผิวสีผู้ปราดเปรื่องไม่แพ้ผู้ชายผิวขาวเลยด้วยซ้ำ



หนังใช้ชื่อว่า Hidden Figure ที่มาจากคำว่า Hidden ซึ่งแปลว่า ซ่อนอยู่ ปิดบังอยู่ (adj.) และคำว่า Figure (N) ซึ่งมีหลายความหมาย เช่น ตัวเลข การคิดคำนวณ รูปทรง จินตนาการ บุคคลสำคัญ ฯลฯ ที่ตรงกับเรื่องราวที่หนังเรื่องนี้ เพราะการจะคำนวณค่าต่างๆ ในการเดินทางไปสำรวจนอกโลกและกลับมาอย่างปลอดภัยนั้น ไม่ได้อาศัยความแม่นยำอย่างเดียวแต่ต้องใช้จินตนาการในการแปลงภาพส่วนต่างๆ ของตัวจรวดเองกับค่าต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของจรวด เช่น พลังงาน ความเร็ว ความสูง พิกัด ฯลฯ ซึ่งประสบความสำเร็จได้จากการทำงานของบุคคลสำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักบินอวกาศและกลุ่มนักวิศวกรชายผิวขาว แต่ยังถูกซ่อนเร้นจากการมีสิทธิเท่าเทียมกันจากความเป็นมนุษย์ของนักคณิตกรสาวผิวสีเหล่านี้อีกด้วย


นี้ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นเพื่อร้องเรียกสิทธิมนุษยชน แต่เป็นเรื่องจริง ของ Katherine Johnson Mary Jackson และ Dorothy Vaughan ซึ่งบุคคลทั้ง 3 ท่านมีตัวตนจริง และ มีบทบาทในการสร้างพิสูจน์ความจริงให้คนทั้งองค์การนาซ่ารู้ว่า ที่นี้ไม่ว่าจะเป็นใครสีผิวไหน มนุษย์เราก็ "ฉี่" เป็นสีเดียวกัน


ความสนุกของหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การพยายามจะยัดเยียดการเชิดชูวีรสตรีผิวสีอย่างออกหน้าออกตา แต่มีการดึงดราม่ามาในจังหวะที่พอดี ในจุดพีกของเรื่องมีการใช้เพลงประกอบเข้ามาแทนความรู้สึกของนักแสดงได้อย่างถูกจังหวะ ประกอบกับ Acting ของนักแสดงระดับรางวัล ทำให้หนัง 2 ชั่วโมงนิดๆ แต่ไม่มีจังหวะไหนที่น่าเบื่อเลย มีแต่ยิ่งดูจะยิ่งลุ้นไปกับนักแสดงนำทั้ง 3 คนให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้


นักแสดงนำทั้งสามคนเล่นได้พอเหมาะพอเจาะกับบทไม่ฟูมฟาย บีบเค้น จนเกินเบอร์ แปรเปลี่ยนความกล้ำกลืนรสชาติชีวิตคนผิวดำในยุค '60 มาเป็นแรงผลักดันในการต่อสู้กับระบอบได้อย่างเห็นผลสัมฤทธิ์จริงไม่อิงดราม่า

ใครที่เคยดูซีรีส์เรื่อง Empire ต้องมี Surprise กับบทบาทของ Taraji P. Henson ที่เปลี่ยนจากเมียเจ้าของค่ายเพลงตัววร้าย มาเป็นสาวฉลาดมาดนิ่งแต่ไม่จมไม่หายไปกับนักแสดงคนอื่นๆ เช่น Janelle Monáe ที่คนไทยอาจยังไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ว่าดูเรื่องนี้แล้วต้องหลงรักเธอแน่นอน รวมไปถึง Octavia Spencer ที่หลายๆ คนเคยชื่นชอบในบทมินนี่ ในเรื่อง The Help มาครั้งนี้ในบทบาทการแสดงที่นิ่งและลึกขึ้นแต่ก็น่าดู เหมือนเดิม



หนังอาจจะมีบทพูดเกี่ยวกับศัพท์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ฟังยากอยู่บ้าง แต่อยู่ในระดับที่ทนฟังได้และไม่ได้มีผลอะไรกับคนดูอย่างเรามากมากมายนัก แต่สิ่งที่ยากให้ทุกคนได้เห็นคือบรรยากาศการต่อสู้ท่ามกลางความกดขี่ที่มนุษย์ด้วยกันกำลังแบ่งแยกกันและกันจากลักษณะภายนอก ทั้งที่ทุกคนต่างก็มีสมองและหัวใจเท่าๆกัน และที่สำคัญไม่ว่าจะผิวสีไหนเราก็ฉี่ออกมาสีเหมือนกันทั้งโลก

หาดู Hidden Figure ได้ที่ Netflix ตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย


https://www.netflix.com/title/80123775




#NETFLIX

ดู 139 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Looking For What ?

Everything  you are looking 4 , Just find here !

bottom of page